HIGHLIGHTS
- จากรายงานการประชุมของเฟด อาจทำให้นักลงทุนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการกำหนดนโยบาย
- ธนาคารกลางยุโรปมีการเผยแพร่รายงานการประชุมครั้งล่าสุด
- รายงาน JOLT คาดว่าจะทำสถิติใหม่ แต่การจ้างงานยังคงล้าหลัง
- เตรียมจับตามอง จีนกำลังจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อ
- เข้าสู่ครึ่งหลัง นักลงทุนต่างสงสัย ตลาดจะพุ่งขึ้นเหมือนครึ่งปีแรกหรือไม่?
สวัสดีครับ เริ่มต้นวันแรกของสัปดาห์แล้ว หวังว่าทุกคนยังคงสบายดีนะครับ ช่วงนี้มีอะไรให้ติดตามเยอะมาก
ผมเลยขอเสนอตัว รวบรวมสิ่งที่นักเทรดควรรู้ไว้สำหรับสัปดาห์นี้มาให้แล้วครับ ไปอ่านกันต่อข้างล่างนี้เลย
1. รายงานการประชุมของเฟด
รายงานการประชุมเดือนมิถุนายนของเฟดจะถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการในวันพุธ หลังจากมีการเจรจาเกี่ยวกับการซื้อพันธบัตรที่ลดลงและระบุว่า อัตราดอกเบี้ยอาจเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยรายงานการประชุมดังกล่าว จะเผยแพร่ตามหลังจากรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ มีตำแหน่งงานเพิ่มสูงสุดในรอบ 10 เดือน บ่งชี้ว่าสภาวะเศรษฐกิจในช่วงท้ายของไตรมาสที่สองยังมีแรงกระตุ้นที่แข็งแกร่งและการเปิดภาคธุรกิจใหม่ยังคงดำเนินต่อไป
แต่การฟื้นตัวที่แข็งแกร่งและค่าแรงที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เฟดเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินเดิมเร็วกว่าที่คาดไว้ และสถานการณ์ต่างๆ มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดต่อไปก่อนการประชุมนโยบายของเฟดในเดือนกรกฎาคมและการประชุมประจำปีที่เมือง Jackson Hole รัฐไวโอมิง ในเดือนสิงหาคม
2. ข้อมูลภาคบริการจากสถาบัน ISM
ดัชนี ISM ของภาคบริการมีกำหนดจะเผยแพร่ในวันอังคาร และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังจากทำสถิติสูงสุดในเดือนพฤษภาคมท่ามกลางการเร่งฉีดวัคซีนต้านโควิด รายงานยังเน้นย้ำข้อจำกัดด้านแรงงานที่กำลังดำเนินอยู่ เนื่องจากการจ้างงานยังคงล่าช้า ทำให้บริษัทชั้นนำเสนอค่าจ้างที่สูงขึ้นเพื่อดึงดูดพนักงาน
สภาวะดังกล่าว อาจสะท้อนให้เห็นในรายงาน JOLT (การเปิดรับสมัครงานและการหมุนเวียนของแรงงาน) คาดว่าจะเป็นสถิติใหม่ แต่การจ้างงานนั้นยังคงล้าหลังอยู่มาก เนื่องจากพนักงานที่มีศักยภาพยังไม่มีความพร้อมหรือยังไม่สามารถทำงานได้ในขณะนี้ นอกจากนี้ ในวันพฤหัสบดีนักลงทุนจะดูตัวเลขเกี่ยวกับการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก โดยรายงานของสัปดาห์ที่แล้วเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกนั้นลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020
3. ตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี
ตลาดช่วงครึ่งหลังของปี 2021 นักลงทุนต่างสงสัยว่าจะร้อนแรงเหมือนครึ่งปีแรกหรือไม่ แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะอยู่ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่นักวิเคราะห์บางคนชี้ให้เห็นถึงสัญญาณของความระมัดระวังในบางภาคส่วนของตลาด ทั้งหุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการรวมถึงหุ้นมูลค่า ได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของโควิดสายพันธุ์เดลต้า ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงอ่อนตัว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเฟดที่มีแนวโน้มว่าจะคุมเข้มด้านนโยบาย
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนบางส่วนยังสังเกตว่ามีหุ้นเพียงส่วนน้อยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแบบกระจุกตัว ซึ่งบางคนมองว่าเป็นสัญญาณของความเชื่อมั่นที่ลดลงในตลาดโดยรวม ตอนนี้นักลงทุนจะเปลี่ยนโฟกัสไปที่การประกาศผลประกอบการไตรมาสสองและความคืบหน้าในร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งอาจช่วยให้ตลาดหุ้นรักษาแรงขับเคลื่อนไว้ได้
4. รายงานการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ECB จะเผยแพร่ รายงานการประชุม ด้านนโยบายสำหรับเดือนมิถุนายนในวันพฤหัสบดี ผู้สังเกตการณ์ ECB จะได้รับการแจ้งเตือนสำหรับข่าวการประชุมหลายครั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทบทวนกลยุทธ์นโยบายการเงินของทางธนาคาร ซึ่งทางธนาคารต้องการปรับปรุงเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งปัจจุบันกำหนดไว้ไม่เกิน 2% และตั้งเป้าที่จะดำเนินการตรวจสอบภายในเดือนกันยายน และในวันพุธเยอรมนีจะเผยแพร่ตัวเลข ผลผลิตอุตสาหกรรม และคณะกรรมาธิการยุโรปจะเผยแพร่ตัวเลข
คาดการณ์เศรษฐกิจ
5. อัตราเงินเฟ้อของจีน
จีนจะเปิดเผยข้อมูลทั้งอัตราเงินเฟ้อราคาผู้บริโภคและผู้ผลิตในวันศุกร์นี้ นักลงทุนจะให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับต้นทุนของวัตถุดิบซึ่งได้เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นและดูว่าการเพิ่มขึ้นเหล่านี้จะถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภคหรือไม่
ดัชนีราคากำลังพุ่งสูงขึ้นในจีนและทั่วโลก ทำให้เกิดความกลัวว่าคลื่นของเงินเฟ้ออาจคุกคามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หากยังปล่อยให้ดำเนินเช่นนี้ต่อไป
ที่มา https://bit.ly/3dHFeC7